อำเภอเชียงคำพะเยา, พะเยา
เป็นอำเภอหนึ่งที่มีความเจริญทัดเทียมกับอำเภอเมือง มีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ และโบราณสถานวัดวาอารามที่มีความสวยงามหลายแห่ง
เป็นอำเภอหนึ่งที่มีความเจริญทัดเทียมกับอำเภอเมือง มีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ และโบราณสถานวัดวาอารามที่มีความสวยงามหลายแห่ง
วัดพระนั่งดิน
อยู่ในตำบลเวียง ไปตามทางหลวง 1148 ห่างจากตัวอำเภอ 4 กม. เป็นวัดที่องค์พระประธาน ของวัดไม่มีฐานชุกชีรองรับเหมือนกับพระประธานองค์อื่นๆ เคยมีราษฎรสร้างฐานชุกชีเพื่ออัญเชิญ พระประธานขึ้นประดิษฐาน แต่ปรากฏว่าพยายามยกเท่าไรก็ยกไม่ขึ้น จึงเรียกสืบต่อกันมาว่าพระนั่งดิน
อ่านต่อรายละเอียด วัดพระนั่งดิน
---------------------------------------
อนุสรณ์ผู้เสียสละ พ.ต.ท. 2324
อยู่ห่างจากตัวอำเภอเชียงคำ ตามทางหลวง 1021 ไปประมาณ 2 กม. เป็นอนุสรณ์สถานที่ สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงวีรกรรมของพลเรือน ตำรวจ ทหารที่ได้พลีชีพในการสู้รบเพื่อรักษาอธิปไตย นพื้นที่ชายแดนจังหวัดพะเยาและเชียงราย นอกจากนั้นยังจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงภาพถ่ายรูปจำลองและอาวุธยุโธปกรณ์ที่เคยใช้ต่อสู้ในการรบครั้งนั้นไว้ด้วย เปิดให้เข้าชมในวันเวลาราชการ
อ่านต่อรายละเอียด อนุสรณ์ผู้เสียสละ พ.ต.ท. 2324
---------------------------------------
วัดพระธาตุสบแวน
อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอ 4 กิโลเมตร เป็นที่ประดิษฐานองค์พระธาตุเจดีย์ที่มีอายุเก่าแก่มาก คาดว่าอายุราว 800 ปี ภายในบรรจุเส้นพระเกศา และกระดูกส่วนคางของพระพุทธเจ้า องค์พระธาตุได้รับการบูรณะมาหลายครั้ง แต่ยังคงรักษาสภาพศิลปะแบบล้านนาไทยไว้ได้
อ่านต่อรายละเอียด วัดพระธาตุสบแวน
---------------------------------------
วัดนันตาราม
วัดนันตาราม ตั้งอยู่บริเวณตลาดเทศบาลตำบลเชียงคำ ไม่ปรากฎว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยใด เป็นวัดประจำชุมชนชาวไทยใหญ่ เดิมเรียก วัดจองคา เพราะมุงด้วยหญ้าคา (คำว่า จอง เป็นภาษาไทยใหญ่ หมายถึงวัด) พุทธศาสนิกชนชาวไทยใหญ่เป็นผู้สร้าง โดย พ่อหม่องโพธิ์ขิ่น บริจาคที่ดิน เนื้อที่ ๓ ไร่เศษ เป็นสถานที่ก่อสร้าง พ่อเฒ่าอุบล เป็นประธานในการก่อสร้างจนสำเร็จเรียบร้อย มีฐานะเป็นอารามหรือสำนักสงฆ์ ประชาชนทั่วไปนิยามเรียก วัดจองเหนือ เพราะอยู่ทางทิศเหนือของเทศบาลเชียงคำ สร้างวิหารไม้ ในปี พ.ศ. ๒๔๖๗ แม่นางจ๋ามเฮิง ได้บริจาคที่ดิน เนื้อที่ ๕ ไร่ ๑ งาน ๗๒ ตารางวา สำหรับขยายอาณาเขตของวัด รวมเนื้อที่ทั้งสิ้น ๘ ไร่ ๑ งาน ๗๒ ตารางวา วิหารหลังปัจจุบัน พ่อเฒ่านันตา (อู๋) วงศ์อนันต์ คหบดีชสวไทยใหญ่ผู้มีศรัทธาแรงกล้าที่จะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ได้บริจาคทรัพย์เพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์ เสนาสนะและเป็นเจ้าภาพสร้างวิหารหลังใหม่แทนวิหารที่มุงหญ้าคา โดยว่าจ้างชาวไทยใหญ่มาออกแบบและทำการก่อสร้างเป็นวิหารไม้ทั้งหลัง รูปทรงแบบไทยใหญ่ หลังคาหน้าจั่วยกเป็นช่อชั้น ลดหลั่นกันสวยงามมุงด้วยแป้นเกร็ด (กระเบื้อง ไม้) เพดานประดับประดาด้วยกระจกสีลวดลายวิจิตรพิศดาร ไม้ซ้ำกัน เสาทั้ง ๖๘ ต้นลงรักปิดทอง ค่าก่อสร้าง ประมาณ ๔๕,๐๐๐ บาทเศษ อัญเชิญพระประธาน พระประธานในวิหารปัจจุบัน ไม่ทราบว่าสร้างในสมัยใด (คาดว่านำมาจากประเทศพม่า) พ่อเฒ่านันตาได้ว่าจ้างและ ไหว้วานชาวบ้านประมาณ ๘๐ คน อัญเชิญมาจาก วัดจองเหม่ถ่า ซึ่งเป็นวัดร้างในชุมชนไทยใหญ่เดิมที่อำเภอปง (ปัจจุบันเป็นสถานีอนามัยบ้านดอนแก้ว ตำบลออย อำเภอปง)เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย แกะสลักจากไม้สักทอง ทั้งต้น ลงลักปิดทอง ทรงเครื่องแบบไทยใหญ่ สวยงามมาก ขนาดหน้าตักกว้าง ๕๑ นิ้ว สูงจากฐานถึงยอดเกศา ๙ ศอก ประดิษฐานบนฐานไม้ มีแผงไม้กั้นด้านหลังประดับประดากระจกสีที่สวยงาม ประกอบด้วยไม้ฉลุและแกะสลักลายเครือเถา เทวดาและสัตว์ป่าหิมพานต์ การจัดงานฉลองวัดครั้งแรก การปฏิสังขรณ์ และก่อสร้างวัดจองคาครั้งใหญ่ใช้เวลาร่วม ๑๐ ปี จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๔๗๗ พ่อเฒ่า นันตา (อู๋) ได้เป็นประธานจัดงานฉลองครั้งใหญ่ขึ้น ระหว่างวันที่ ๑ – ๑๕ มีนาคม ๒๔๗๗ ๑๕ วัน ๑๕ คืน นอกจากการทำบุญ และจัดมหรสพสมโภชแล้ว ยังมีการตั้งโรงทาน แจกจ่ายวัตถุทานแก่ยาจกวณิพกและคนยากจนทั่วไปจำนวนมากอีกด้วย นับเป็นมหากุศลที่ ยิ่งใหญ่และเป็นครั้งแรกของวัดจองคำ ได้ชื่อ “ วัดนันตาราม”
พ่อเฒ่านันตา (อู๋) ต้นตระกูล วงศ์อนันต์ คหบดีที่มีจิตใจศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ตั้งใจปฏิบัติตาม พระธรรมคำสอนมิได้ขาด มีความเพียรในการรักษาอุโบสถศีล นอนวัดตลอดฤดูพรรษา ทั้งยังเสียสละบริจาคทรัพย์ เป็นเจ้า ศรัทธาในการปฏิสังขรณ์เสนาสนะ และสร้างวิหารถวายเป็น สมบัติในพุทธศาสนาได้รับการยกย่องจากพุทธศาสนิกชนชาวไทยใหญ่ และประชาชนทั่วไปเป็น พ่อจองตะก่านันตา (คำว่า พ่อจอง หมายถึง ผู้สร้างวัด / ตะก่า หมายถึง ผู้ที่รักษาอุโบสถศีลและนอนวัดตลอดพรรษา) เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดีและเป็นอนุสรณ์ของพ่อเฒ่านันตา (อู๋) จึงได้เปลี่ยนชื่อวัดจาก วัดจองคา เป็น วัดนันตาราม เป็นเกียรติแด่ท่าน และตระกูล “วงศ์อนันต์” โบราณสถานและโบราณวัตถุที่สำคัญ ๑ . วิหารไม้ รูปทรงแบบไทยใหญ่ สร้าง พ.ศ. ๒๔๖๘ ๒. พระพุทธรูปประธาน ปางมารวิชัย ไม้แกะสลักศิลปไทยใหญ่ อัญเชิญมาประดิษฐาน พ.ศ. ๒๔๗๖ ๓. เจดีย์แบบไทยใหญ่ สร้างด้วยอิฐถือปูน รูปทรงแปดเหลี่ยม สูง ๙ ศอก สร้าง พ.ศ. ๒๕00 ๔. พระอุโบสถ สร้างด้วยอิฐถือปูน รูปทรงไทยใหญ่ สร้าง พ.ศ. ๒๕๑๕ ๕. พระพุทธรูปเกสรดอกไม้ สร้างจากไม้หอมนานาชนิดในเมืองต่องกี ประเทศพม่า นำมาตากแห้งและบดให้ละเอียด ผสมกับยางรัก เถ้าฟางเผ่าคลุกกับดินจอมปลวกหรืออิฐปูนปั้นเป็นพระพุทธรูปลงรักปิดทอง พ่อเฒ่าผก่า หัวอ่อนแม่เฒ่าป้องสุมาลย์เจริญ สร้างถวาย ๖. พระเจ้าแสนแซ่ พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์สมัยเชียงแสน ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง /๙ นิ้ว สูง ๒๔ นิ้ว แม่เฒ่าบัว ได้บูชามาจากพ่อเฒ่าส่างติ (พี่ชาย) ในราคา ๑ ชั่ง (๘๐ บาท) นำมาถวายวัด (ปลัดอำเภอท่านหนึ่งว่าจ้างเกวียนชาวบ้านในราคา ๗๕ สตางค์ บรรทุกมาจาก บ้านถ้ำ ตำบลแม่ลาว อำเภอเชียงคำ นำมาตั้งไว้ใต้ถุนเรือนพ่อเฒ่าส่างติ) กรมศิลปากร ได้จดทะเบียนรับรองเป็นวัตถุโบราณไว้แล้ว ๗. พระพุทธรูปหินขาว (หยกขาว) ศิลปแบบพม่า หน้าตักกว้าง ๑๔ นิ้ว สูง ๑๘ นิ้ว แม่คำหล้า วาระกุล สร้างถวาย
อ่านต่อรายละเอียด วัดนันตาราม
---------------------------------------
ศูนย์วัฒนธรรมไทยลื้อ
ตั้งอยู่ที่วัดหย่วนในอำเภอเชียงคำ จัดตั้งเป็นศูนย์แสดงผลงานทางศิลปวัฒนธรรม และฝึกอาชีพของชาวไทยลื้อ โดยเฉพาะผ้าของชาวไทยลื้อที่มีลวดลายและสีสันสดใส ในอดีตชาวไทยลื้อมีถิ่นอาศัยอยู่ในเขตสิบสองปันนามณฑลยูนาน ประเทศสาธารณะรัฐประชาชนจีน มีพื้นที่ประมาณ 25,000 ตรกม. พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเขามีที่ราบแคบๆอยู่ตามหุบเขา และลุ่มแม่น้ำอันเป็น บริเวณที่อยู่อาศัยและที่ทำมาหากินของชาวไทลื้อ โดยเฉพาะการทำนาที่ลุ่มเช่นเดียวกับคนไทยทั่วไป มีแม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านแคว้นสิบสองปันนา ซึ่งชาวไทยลื้อเรียกว่า "แม่น้ำของ" ในปี พ.ศ. 2399 เจ้าสุริยพงษ์ ผริตเดช ผู้ครองนครน่านได้อพยพมามาอยู่ที่บ้านท่าฟ้า เหนือและท่าฟ้าใต้อำเภอเชียงม่วน หลังจากนั้นมีบางส่วนได้อพยพมาอยู่ที่อำเภอเชียงคำ ชาวไทลื้อมีอุปนิสัยรักสงบ ขยันอดทน นอกจากนั้นยังเป็นผู้ที่อนุรักษ์วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไว้อย่างดี เช่น วัฒนธรรมการแต่งกาย เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น